ไข 5 ปัญหา อินทผลัมเพาะเนื้อเยื่อ คำตอบที่คนปลูกอินทผลัมควรรู้
อินทผลัม ชนิดทานผลสด เป็นผลไม้ที่ถูก “โฟกัส”
มากที่สุดในยุคนี้ ในฐานะผลไม้ที่อุดมไปด้วยธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์สูง
สอดรับกับเทรนด์ “อาหารเพื่อสุขภาพ”
ถูกโฟกัสในแง่ของ “พืชเศรษฐกิจ” ตัวใหม่มูลค่าสูง ค่อนข้างจะมีอนาคตเมื่อเทียบกับพืชตัวอื่นที่อยู่ในช่วงดาวน์
อินทผลัมจึงมีคนสนใจปลูกจำนวนมาก ทั้งปลูกไว้ทานเอง และปลูกเพื่อการค้า
ด้วยเพราะมันเป็นพืชตัวใหม่ มาจากต่างถิ่น แถมคนปลูกเองก็ยังเป็น “มือใหม่”
แน่นอนว่าย่อมจะเกิดปัญหาในการปลูกเลี้ยงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ เรื่องสายพันธุ์
การปลูกเลี้ยง การผสมเกสร การบำรุงให้รสชาติดี ผลผลิตสูง เป็นต้น
แต่คำถามที่ถูกถามมากที่สุดในปีสองปีที่ผ่านมา คือ ควรจะปลูกเพาะเมล็ด
หรือ ต้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ...? แบบไหนคุ้มค่ามากกว่า
ทีมงานต้นไม้และสวน มีโอกาสพูดคุยกับ คุณวิทยา ช่ำชอง จาก “สวน
I date palm” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้
และยังเป็นผู้นำเข้าต้นกล้าอินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อรายใหญ่ ข้อมูลที่เราได้มาล้วนเป็นประโยชน์สำหรับคนที่คิดจะปลูกอินทผลัมอย่างยิ่ง
อินทผลัมพันธุ์ บาร์ฮี เป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยม รสชาติดี ผลผลิตสูง |
1. ทำไมอินทผลัมถึงน่าสนใจ
━━━━━━━━━━━
หลายคนหันมาสนใจปลูกอินทผลัมเพราะราคาขายผลผลิตน่าจูงใจสุดๆ
เพราะตอนนี้ราคา 500 – 600 บาท/กก. แต่สำหรับสวน I date palm จุดแข็งของอินทผลัมไม่ได้อยู่ที่ราคาขายแพงลิบลิ่ว หากแต่ว่าอยู่ที่การให้ผลผลิตปริมาณมาก
ต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น สายพันธุ์บาฮี ต้นโตเต็มวัยหรืออายุประมาณ 5 ปี
หากมีการดูแลอย่างดีสามารถออกผลผลิตเต็มที่ 200-250 กก./ต้น/ปี
แต่มือใหม่หรือเราดูแลแบบบ้านๆ ตีว่าได้ 100 กก./ต้น/ปี ถ้า 1 ไร่ ปลูก 30 ต้น ขายได้ กิโลกรัมละ 500 บาท จะมีรายได้มีรายได้ 1,500,000 บาท/ไร่/ปี
แต่ถ้าสมมุติเวลาผ่านไปสัก 20 ปี ราคาหล่นมาเหลือ กก. ละ 50 บาท ก็ยังมีรายได้ 150,000
บาท/ไร่/ปี
นี่คือสิ่งที่ วิทยา ช่ำชอง
อยากบอกกับคนที่กำลังสนใจปลูกอินทผลัมเพื่อการค้าว่าจุดเด่นของอินทผลัมจริงๆ
ก็คือปริมาณผลผลิต/ต้นสูงและให้ผลผลิตได้ต่อเนื่องนั่นเอง
อีกส่วนที่สำคัญก็คือการบริหารจัดการง่าย
การดูแลรักษาง่ายกว่าสวนผลไม้หลายๆ ชนิด การปลูก 10 ไร่ใช้คนดูแลประจำประมาณ 2-3 คน
และตอนใส่ปุ๋ยฉีดยาค่อยจ้างแรงงานเสริม โรคและศัตรูพืชน้อย ทนต่อภัยธรรมชาติต่างๆ
เช่น น้ำท่วม (ถ้าน้ำท่วมแบบปี 54 ต้นอายุ 5 ปีไปแล้วไม่ตาย) ทนพายุลมแรง และภัยแล้ง (พายุทะเลทรายยังทนได้
ฝนแล้งบ้านเรากับพายุบ้านเราต้นอินทผลัมรับไหวอยู่แล้ว)
2. ทำไมต้องปลูกอินทผลัมเพาะเนื้อเยื่อ
━━━━━━━━━━━
อินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเป็นต้นตัวเมียคุณภาพดีเหมือนกันทุกต้น
ออกลูกมารสชาติหวานอร่อยเหมือนกันทุกต้นทั้งสวน เป็นที่ต้องการของห้างใหญ่ๆ
และผู้ส่งออก
ปลูกอินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมีหน่อออกมาต้นละ 10-20
หน่อก็เป็นต้นตัวเมียคุณภาพดีลูกมารสชาติหวานอร่อยเหมือนต้นแม่ทุกต้น
จึงมีราคาเฉลี่ยถึงหน่อละ 3,000 บาท มากกว่าราคาของต้นกล้าเพาะเนื้อเยื่อถึง
2 เท่า ซึ่งจะได้ทุนคืนและกำไรจากหน่อก่อนต้นออกผลผลิตเสียอีก
ปลูกอินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อไม่เสียเวลา (3-4 ปี) ไม่เสียโอกาส ไม่เสียพื้นที่ในการปลูก กับต้นตัวผู้ที่ไม่ออกลูก
และต้นตัวเมียที่ให้ผลผลิตด้อยคุณภาพ รวมทั้งคุ้มค่าต่อการลงทุน ด้วยเหตุนี้ชาวสวนอินทผลัมในตะวันออกกลางที่ปลูกมาก่อนหน้าประเทศไทยมาเป็นร้อยปีจึงมีแต่การปลูกอินทผลัมแบบเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
และแบบหน่อเท่านั้น ไม่มีการปลูกแบบเพาะเมล็ดในเชิงพานิช
ต้นกล้าอินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจากแล็บ UAE |
3. ต้นกล้าที่มาจากแล็บ DPD ของประเทศอังกฤษต่างจากต้นกล้าที่มาจากประเทศ UAE อย่างไร
━━━━━━━━━━━
เหตุผลคือ แล็บ DPD อังกฤษใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อแบบ
Embryogenesis สามารถผลิตต้นกล้าได้จำนวนมาก ใช้เวลาน้อยกว่า
ต้นทุนถูกกว่า แต่เทคโนโลยีนี้เมื่อเวลาผ่านไปมากกว่า 10 ปี
จะพบว่า มีลักษณะสีขนาด หรือรสชาติ แตกต่างไปจากต้นแม่บ้างประมาณ 5-10 เปอร์เซ็นต์ จึงถือว่ามีความเสถียรของต้นพันธุ์น้อยกว่า
ส่วนแล็บที่ UAE ใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อแบบ organogenesis
มีอัตราการกลายพันธุ์น้อยมาก มีความเสถียรของต้นพันธุ์มากกว่าแบบ embryogenesis แต่จะให้ปริมาณต้นกล้าน้อยกว่า ใช้เวลามากกว่า ต้นทุนจึงแพงกว่า
เกสรต้น Ghannami (ภาพจากต่างประเทศ) |
ต้นกล้า Ghannami พ่อพันธุ์ (Ghannami Green และ Ghannami Red) |
4. เกสรจากต้น Ghannami
พ่อพันธุ์ เหมือนหรือต่างจากเกสรจากต้นตัวผู้ที่ได้จากการเพาะเมล็ด
━━━━━━━━━━━
เราสามารถใช้เกสรตัวผู้ของต้นเพาะเม็ดและพืชตระกูลปาล์มอื่นๆ มาผสมกับตันอินทผลัมตัวเมียก็สามารถทำให้อินทผลัมตัวเมียติดผลได้เหมือนกัน แต่ Ghannami เป็นพ่อพันธุ์ที่แลปคัดเลือกมาจากต้นตัวผู้กว่า 200 สายพันธุ์แล้วว่าสายพันธุ์นี้ออกเกสรตอนต้นฤดู อัตราการติดผลสูง ทำให้ขนาดและคุณภาพของผลอินทผลัมออกมาขนาดใหญ่ขึ้นและรสชาติหวานอร่อยขึ้น
เราสามารถใช้เกสรตัวผู้ของต้นเพาะเม็ดและพืชตระกูลปาล์มอื่นๆ มาผสมกับตันอินทผลัมตัวเมียก็สามารถทำให้อินทผลัมตัวเมียติดผลได้เหมือนกัน แต่ Ghannami เป็นพ่อพันธุ์ที่แลปคัดเลือกมาจากต้นตัวผู้กว่า 200 สายพันธุ์แล้วว่าสายพันธุ์นี้ออกเกสรตอนต้นฤดู อัตราการติดผลสูง ทำให้ขนาดและคุณภาพของผลอินทผลัมออกมาขนาดใหญ่ขึ้นและรสชาติหวานอร่อยขึ้น
ที่สำคัญให้ปริมาณเกสรจำนวนมากกว่าต้นเพาะเม็ดทั่วไป 3-5 เท่าตัว เมื่อมี ปริมาณเกสรมากก็ไม่จำเป็นต้องปลูกต้นตัวผู้จำนวนมากต้นทุนการปลูกและดูแลรักษาต้นตัวผู้น้อยลงแต่ได้ผลผลิตเกสรมาก
เช่น ปกติปลูกอินทผลัม 100 ต้น ต้องใช้ต้นตัวผู้ต่อตัวเมีย 30 : 70 ต้น แต่ถ้าใช้สายพันธุ์ Ghannami
ใช้ต้นตัวผู้ต่อต้นตัวเมีย เพียงแค่ 9-10 : 90-120 ต้น เท่านั้น
ส่วนต่างของต้นตัวเมียทีให้ผลผลิต 20 ต้นคือคือความคุ้มค่าและผลกำไรที่เราจะได้รับ (ตัวเลขโดยประมาณ 20
ต้น x 100 kg x 500 บาท = 1 ล้าน ต่อปี >>คำนวณที่ต้นตัวเมียสมบูรณ์อายุ 5
ปีขึ้นไป)
เราควรใช้สัดส่วนต้นตัวผู้ : ตัวเมียเป็นเท่าใด
จึงจะเป็นสัดส่วนที่พอดีเหมาะสมต่อความต้องการเกสรตัวผู้ในสวนอินทผลัม หลายๆ สวนในประเทศไทย
ตัวเมียเป็นสาวก่อนวัย หรือพวกต้นวัยรุ่นตั้งท้อง คือ อายุ 2-3 ปีตั้งท้องแล้ว (ต่างประเทศจะให้ตั้งท้องหลัง 5
ปีไปแล้ว) ต้นตัวผู้ก็ยังเด็กเกสรก็ยังเล็ก โตไม่ทันกัน
เทคโนโลยีการฉีดพ่นยังไม่ทันสมัย ผู้ฉีดพ่นยังมีความชำนาญน้อยอยู่
จึงของแนะนำอัตราส่วนโดยประมานไว้ที่ 1 ต้นตัวผู้ ต่อตัวเมีย
10 -15 ต้น (เผื่อตายไว้ด้วย 10 % )
ต้นกล้าอินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ |
5. ถ้าผสมเกสรคนละสายพันธุ์กันจะติดลูกไหม
กลายพันธุ์ไหม
━━━━━━━━━━━
ถ้าเป็นเกสรตัวผู้ของพืชตระกูลปาล์ม
(ไม่ใช่อินทผลัม) ทำให้ติดลูกได้แต่เมล็ดจะลีบผลไม่สมบูรณ์
แต่ถ้าเป็นเกสรอินทผลัมตัวผู้แม้คนละสายพันธุ์ก็สามารถติดลูกได้
ส่วนเรื่องการกลายพันธุ์นั้นต้องเข้าใจก่อนว่าการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดจะกลายพันธุ์ทุกกรณีอยู่แล้ว
เพราะเป็นการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ
ต่างจากการขยายพันธุ์แบบแยกหน่อและเพาะเนื้อเยื่อ ที่เป็นการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ
จะมี Gene เหมือนกับต้นแม่ (Homozygous) ซึ่งให้คุณภาพของผลผลิตเหมือนต้นแม่พันธุ์
5 ข้อนี้คือ ส่วนหนึ่งที่คนปลูกอินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อควรรู้ ท่านสามารถดูข้อมูลเต็มๆ ได้จากคลิปนี้ครับ
ดูVDO เพิ่มเติม
ขอขอบคุณ
I date palm
20 หมู่ 16 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
20 หมู่ 16 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
Tel : ID line 083-0539666 | 086-5633630
เว็บไซต์ : www.idatepalm.com
Facebook : I daetepalm
แผนที่ https://goo.gl/2TSH24