อินทผลัมจากทั่วโลกมีมากกว่า 2,000 สายพันธุ์ เป็นที่รู้จัก 700 สายพันธุ์ เป็นที่นิยม 200 สายพันธุ์ แล็บนำมาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ 20 สายพันธุ์ แต่เราเลือกนำเข้า 16 สายพันธุ์เท่านั้น..!! |
นี่อาจจะเป็น signal ที่ วิทยา ช่ำชอง
เจ้าของ สวน I Date Palm ส่งถึงทีมงานต้นไม้และสวนออนไลน์ในฐานะผู้นำเข้าต้นกล้าอินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อรายใหญ่รายหนึ่งของเมืองไทย
ข้อความข้างต้นนี้อธิบายตัวมันเองได้อย่างดีว่าการคัดเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมมีความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ
ของการเลือกปลูกพืชเศรษฐกิจทุกชนิด ไม่เว้นแม้แต่อินทผลัมไม้ผลตระกูลปาล์มที่เรารู้จักดี
แต่ยังไม่มีการปลูกแพร่หลายในเมืองไทย
เมื่อภาพของอินทผลัมในมิติของคนไทยเปลี่ยนไปจากอินทผลัมสีน้ำตาลรสหวานฉ่ำเหมือนผลไม้เชื่อมจนใครหลายๆ
คนคิดไปว่านี่คือ “อินทผลัมเชื่อม” แต่วันนี้มีอินทผลัมชนิดทานผลสดและผลสุกเข้ามา
เราอาจจะไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่ขอบอกว่ามันคือเรื่องใหม่ของวงการผลไม้ไทยจริงๆ
เพราะอยู่ๆ ก็มีคนมาบอกว่านี่คืออินทผลัมชนิดทานผลสด รสชาติหวาน กรอบ ที่สำคัญมันปลูกในเมืองไทยได้
มีคนปลูกจริงในหลายพื้นที่มากว่า 5 ปี แถมราคาผลผลิต ณ วันนี้อยู่ที่ 700+ บาท/กก. ……เป็นใครก็ต้องตื่นเต้นใช่ไหมครับ!!
Admin ต้นไม้และสวนออนไลน์ก็เลยมาถึง สวน I Date
Palm ผู้นำเข้าต้นกล้าอินทผลัมรายใหญ่รายหนึ่งของเมืองไทยทั้งทีก็ต้องขอความรู้สอบถามที่มาที่ไปและสายพันธุ์ที่เหมาะกับการปลูกในเมืองไทยกันสักหน่อย
เพราะว่ากระแสอินทผลัมทานสดมาแรงจริงๆ
“ธุรกิจของ I Date Palm เริ่มจากการเป็นผู้นำเข้าต้นกล้าพันธุ์อินทผลัมชนิดทานสด เราไม่ได้เริ่มจากการทำสวนเพราะตัวผมเองเป็นหมออนามัย ส่วนแฟนก็เปิดร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ มันทำให้เราได้รู้ว่าคนไข้จำนวนมากมีปัญหาเรื่องสุขภาพโดยเฉพาะเบาหวาน เราก็หาข้อมูลเรื่อยๆ ก็พบว่ามีผลไม้ชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่แค่ หวาน กรอบ อร่อย แต่รสชาติหวานๆ นี้มาจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ทันทีไม่ตกค้างในกระแสเลือดจึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก…ก็คือ อินทผลัมนั่นเอง” วิทยาเริ่มเล่าที่มาที่ไปให้เราฟังพร้อมกับเล่าต่อไปว่า
วิทยา ช่ำชอง สวน I Date Palm |
ต้นกล้าอินทผลัมเนื้อเยื่อนำเข้าจากต่างประเทศ |
อินทผลัมเพาะเนื้อเยื่อ อายุหลายขนาด สวน I Date Palm |
“ธุรกิจของ I Date Palm เริ่มจากการเป็นผู้นำเข้าต้นกล้าพันธุ์อินทผลัมชนิดทานสด เราไม่ได้เริ่มจากการทำสวนเพราะตัวผมเองเป็นหมออนามัย ส่วนแฟนก็เปิดร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ มันทำให้เราได้รู้ว่าคนไข้จำนวนมากมีปัญหาเรื่องสุขภาพโดยเฉพาะเบาหวาน เราก็หาข้อมูลเรื่อยๆ ก็พบว่ามีผลไม้ชนิดหนึ่งที่ไม่ใช่แค่ หวาน กรอบ อร่อย แต่รสชาติหวานๆ นี้มาจากน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ทันทีไม่ตกค้างในกระแสเลือดจึงไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก…ก็คือ อินทผลัมนั่นเอง” วิทยาเริ่มเล่าที่มาที่ไปให้เราฟังพร้อมกับเล่าต่อไปว่า
เจ้าน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวนี่ล่ะที่ทำให้อินทผลัมต่างจากผลไม้รสหวานชนิดอื่นๆ
อย่างเช่น ทุเรียน อ้อย
ที่เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่
กว่าร่างกายจะสลายพันธะและดูซึมไปใช้ได้ทั้งหมดส่วนหนึ่งก็ตกค้างอยู่ในกระแสเลือด
ทานมากๆ น้ำตาลในเลือดจะเพิ่มขึ้น หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าเบาหวานขึ้นนั่นเอง
แต่ได้ยินแบบนี้แล้ว Admin ก็แนะนำให้ทานพองามนะครับ
ถ้ากินเทียบกันปอนด์/ปอนด์ น้ำตาลตกค้างในกระแสเลือดมันแค่น้อยกว่า
แต่ไม่ได้หมายความว่าทานแล้วน้ำตาลไม่ขึ้น
แค่ขึ้นน้อยกว่าและอยู่ในระดับที่ร่างกายรับไหว ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายเท่านั้น
ด้วยความเป็นหมออนามัย วิทยาก็เลยมองว่าถ้าคนไข้ได้รับประทานอินทผลัมสดทุกวันในปริมาณพอเหมาะจะช่วยรักษาสุขภาพ ดีกว่าการทานขนม ของหวาน หรือผลไม้บางชนิด แต่ก็ยอมรับว่าอินทผลัมทานสดยังราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันราคาประมาณ 700 บาท/กก. จึงเป็นอุปสรรคต่อลูกค้าบางกลุ่มแน่นอน แต่ถ้ามีต้นปลูกไว้ที่บ้านเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ…..และนี่คือจุดเริ่มต้นชีวิตในธุรกิจเสริมของวิทยา
━━━━━━━━━━━━━━━━
ด้วยความเป็นหมออนามัย วิทยาก็เลยมองว่าถ้าคนไข้ได้รับประทานอินทผลัมสดทุกวันในปริมาณพอเหมาะจะช่วยรักษาสุขภาพ ดีกว่าการทานขนม ของหวาน หรือผลไม้บางชนิด แต่ก็ยอมรับว่าอินทผลัมทานสดยังราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันราคาประมาณ 700 บาท/กก. จึงเป็นอุปสรรคต่อลูกค้าบางกลุ่มแน่นอน แต่ถ้ามีต้นปลูกไว้ที่บ้านเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ…..และนี่คือจุดเริ่มต้นชีวิตในธุรกิจเสริมของวิทยา
อินทผลัมชนิดทานผลสดกับเมืองไทย
เมืองไทยบ้านเรามีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น มีฝนตกมากเมื่อเทียบกับประเทศแทบทะเลทรายต้นกำเนิดอินทผลัม
ที่สำคัญช่วงที่อินทผลัมติดผลไปจนถึงผลสุกแก่จัดตรงกับฤดูฝนพอดีเป๊ะ
ฉะนั้นการจะผลิตอินทผลัมชนิดทานผลแห้งเชิงการค้าก็ไม่ง่ายนักในประเทศไทย
แต่ถ้าพอจะเป็นไปได้หน่อยก็ต้องเป็นสายพันธุ์ทานผลสดนี่แหล่ะ
เพราะเมื่ออยู่ในช่วงติดผลแล้วได้รับน้ำพอเหมาะลูกก็จะโต รสชาติหวานกรอบ
แถมไม่ต้องรอให้แห้งพอผลสุกก็ตัดมาเก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 1 เดือน หรือถ้าเป็นตู้แช่จะเก็บได้ถึง 4 เดือนโดยไม่เสียรสชาติ
ถือว่าอายุการเก็บรักษาผลผลิตนานมากๆ เหมาะสำหรับการทำตลาดทั้งในแต่ต่างประเทศเลยทีเดียว
สายพันธุ์อินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อที่ I date palm นำเข้ามา ยกตัวอย่างเช่น ส่วนสายพันธุ์อื่น
เช่น บาร์ฮี (Barhi) : ได้รับความนิยมว่าเป็นแอปเปิ้ลของอาหรับ
มีความหวานหรอบ ผลสุกแก่จัดทานได้เลย, คาลาส (Khallas), อัมเอ็ดดาฮาล (Um
Ed Dahan), ชิชิ (Shi Shi), อัลบาร่า (Anbarah), ซาไก (Sagei), ซากห์ลูล (Zaghloul) เป็นสายพันธุ์ที่มาจากอียิปต์, โคไนซี่ (Khonaizi), ซุกการี่ (Sukkari) ถือว่าเป็นยาอายุวัฒนะ/ยาโดป, อัจวะฮฺ (Ajwah) เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากในพี่น้องมุสลิม, เมดจูนห์ (Medjool), คาดราวี่ (Khadrawy) และ กานามิ (Ghanami Male) เป็นต้น
วิทยาแนะนำว่าถ้าจะปลูกอินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสำหรับกินผลสด พันธุ์ที่เหมาะสมกับประเทศไทย ต้อง 3 พันธุ์นี้เลย บาร์ฮี, อัมเอ็ดดาฮาน และ กานามิ สองพันธุ์แรกเป็นพันธุ์ตัวเมีย รสชาติดี หวาน กรอบ ส่วน กานามิ เป็นพันธุ์ตัวผู้ สำหรับใช้เป็นเกสรสำหรับผสมเพราะมีปริมาณเกสรมากและทำให้มีอัตราการติดผลมากกว่า
ผลอินทผลัมบาร์ฮี แอปเปิ้ลแห่งตะวันออกกลาง |
- รสชาติ หวาน กรอบ
ผลสีเหลืองสดใส เนื้อเยอะ
- ผลดก น้ำหนักผลิตต่อต้นสูงถึง 50-200 กก.
- เก็บไว้ได้นาน 1 เดือนในตู้เย็น
หรือ 4 เดือนขึ้นไปในตู้แช่ควบคุมอุณหภูมิ
- ต้นแข็งแรง ต้านทานโรค
ปลูก-ดูง่ายในเมืองไทย
- เป็นสายพันธุ์ยอดนิยมและปลูกมากที่สุดในขณะนี้
ผลอินทผลัม อัมเอ็ดดาฮาน |
- รสชาติ หวาน กรอบ
ผลสีส้มออกโอโรสสวยงาม
- ดก ชนิดที่ว่าดกพอๆ กับ
เดทเรดนัวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชินีของอินทผลัมแต่เป็นชนิดทานผลแห้ง
- ระยะรอสุกนานกว่าบาร์ฮี
แต่ทานได้ทั้งผลสุกและผลแห้ง
- เมื่อตัดสุกจากทะลายแล้วรสชาติจะหวานขึ้นเรื่อยๆ
จนเข้าสู่ระยะผลแห้ง
- ต้นแข็งแรง ต้านทานโรค
ปลูก-ดูง่ายในเมืองไทย
ต้นกล้าอินทผลัมเนื้อเยื่องพันธุ์ กานามิ (ตัวผู้) |
- เป็นต้นตัวผู้ เพราะมีปริมาณเกสรมาก มีอัตราการติดผลมากกว่า
- ต้นแข็งแรง ต้านทานโรค ปลูก-ดูง่ายในเมืองไทย
- ต้นแข็งแรง ต้านทานโรค ปลูก-ดูง่ายในเมืองไทย
━━━━━━━━━━━━━━━━
ต้นกล้าอินทผลัมเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ตอบโจทย์เกษตรกรหัวก้าวหน้า
- ต้นกล้าจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความเสี่ยง เพราะสามารถเลือกจำนวนต้นตัวผู้และตัวเมียได้ตามต้องการ อีกทั้งได้รสชาติดีหวานกรอบเหมือนกันทุกต้น
- ต้นกล้าจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเป็นคำตอบสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความเสี่ยง เพราะสามารถเลือกจำนวนต้นตัวผู้และตัวเมียได้ตามต้องการ อีกทั้งได้รสชาติดีหวานกรอบเหมือนกันทุกต้น
- การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อจะคัดเลือกต้นที่แข็งแรง
รสชาติดี มาเพาะ
เลี้ยงในแล็บที่เรียกว่า
การโคลนนิ่ง (Cloning) เพื่อให้ทุกต้นที่ได้
มามีลักษณะเหมือนต้นแม่ทุกประการ
- เนื้อเยื่อจะให้ผลผลิตพร้อมกันหรือใกล้เคียงกันเพราะว่าเริ่มต้นมาพร้อมกัน
ต่างจากหน่อที่ส่วนใหญ่จะออกมาไม่พร้อมกันอายุห่างกันหลายเดือน
ส่วนเมล็ดแม้จะเพาะพร้อมกันแต่ก็มีโอกาสติดผลไม่พร้อมกันนั่นเอง
- ค่าขนส่งต้นกล้าเนื้อเยื่อแบบกระถางตอปิโดราคาถูกกว่า ยกตัวอย่างเช่น เนื้อเยื่อ 60 ต้น เราสามารถแพคใส่กล่องส่งไปรษณีย์หรือ Kerry ได้เลย แต่ถ้าเป็นหน่อ 60 หน่อต้องใช้รถกระบะขนต้นทุนสูงกว่ามาก แม้เป็นการขนส่งในประเทศ ยิ่งถ้าเป็นการขนส่งระหว่างประเทศโดยใช้เรือกับเครื่องบินจะยิ่งมีต้นทุนสูงขึ้น
- ค่าขนส่งต้นกล้าเนื้อเยื่อแบบกระถางตอปิโดราคาถูกกว่า ยกตัวอย่างเช่น เนื้อเยื่อ 60 ต้น เราสามารถแพคใส่กล่องส่งไปรษณีย์หรือ Kerry ได้เลย แต่ถ้าเป็นหน่อ 60 หน่อต้องใช้รถกระบะขนต้นทุนสูงกว่ามาก แม้เป็นการขนส่งในประเทศ ยิ่งถ้าเป็นการขนส่งระหว่างประเทศโดยใช้เรือกับเครื่องบินจะยิ่งมีต้นทุนสูงขึ้น
ด้วยภูมิอากาศร้อนชื้นของเมืองไทยโรคและแมลงจะแบ่งเป็น 2 ระยะเท่านั้นคือ ตอนต้นเล็กจะมีโอกาสเป็นเชื้อรา
ส่วนตอนโตอาจพบปัญหาด้วงมะพร้าว อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเกษตรกรสามารถจัดการปัญหานี้ได้เพราะเมืองไทยปลูกมะพร้าวมาหลายร้อยปีแล้วจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการปลูกอินทผลัมแน่นอน
แต่ก็ด้วยลักษณะภูมิอากาศแบบนี้กลับทำให้อินทผลัมชนิดทานผลสดในบ้านเราเติบโตรวดเร็ว
ต้นสมบูรณ์ ผลผลิตสูง รสชาติดี
หวานกว่าอินทผลัมจากต่างประเทศเพราะดินมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า ฉะนั้นจึงตอบโจทย์เรื่องการตลาดในอนาคตได้ว่าเราไม่ต้องกลัวผลผลิตที่มาจากต่างประเทศ
━━━━━━━━━━━━━━━━
ทัศนะทางการตลาดจาก I date palm
ทัศนะทางการตลาดจาก I date palm
อินทผลัมในทัศนคติทางการตลาดของผมไม่ใช่เรื่องของราคา
แต่จุดเด่นมันอยู่ที่ความดก การออกผลผลิต/ไร่/ปี ปีแรกอาจจะออกแค่ 5-6 ช่อ ช่อละ 6-7 กก. คะเนว่าได้ 50 กก./ต้น ถ้าปลูก 200 ต้น จะได้น้ำหนักรวมเฉลี่ย 10,000
กก. หรือ 10 ตัน ราคาปัจจุบัน 700 บาท/กก.
ราคาที่ขายได้จะอยู่ที่ 7 ล้านบาท
แต่ปีต่อๆ ไปผลจะดกขึ้นไปถึง 200 กก./ต้น ถ้าสมมุติปีต่อไปราคาลดลงมาที่
500 บาท/กก. แต่ออกผลผลิต 100 กก./ต้น ปลูก 30 ต้น ราคาขายยังได้ถึง 1.5 ล้านบาท
เพราะจุดเด่นที่แท้จริงของอินทผลัมอยู่ที่ผลผลิต/ต้นมีปริมาณมาก
มีน้ำหนักมาก
ของที่มีปริมาณมากแม้ว่าจะราคาไม่แพงนักแต่อาศัยการทำตลาดเชิงปริมาณก็จะยังได้ราคาสูง
ไม่มีพืชชนิดไหนที่ตัดปีละครั้งแล้วก็ดูแลง่ายขนาดนี้
วิทยาบอกเล่าเรื่องราวให้เราฟังว่า
“การขายกล้าเนื้อเยื่อของผมเมื่อก่อนยากกว่านี้เยอะเพราะเราเป็นคนนำเข้าแรกๆ ยังไม่มีตัวอย่างให้เห็น ก็เลยถอดบทความมาจาก FAO และตัวอย่างผลผลิตจากต่างประเทศไม่มีสวนไหนใช้เมล็ดในเชิงธุรกิจหรือเชิงพาณิชย์ มีแต่หน่อกับเพาะเนื้อเยื่อเท่านั้น แต่ตอนนี้หลายสวนในเมืองไทยที่ปลูกต้นเนื้อเยื่อเริ่มทยอยให้ผลผลิตเกษตรกรรายใหม่ๆ ก็มีความเชื่อมั่นมากขึ้น”
“เหมือนในวันนี้ที่ บาร์ฮี พิสูจน์ตัวเองในเมืองไทย พิสูจน์ตัวเองได้แล้วในเรื่องรสชาติและความดก ทุกคนได้เห็นผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อแล้ว หลายๆ คนเข้าใจเรามากขึ้น...จนตอนนี้ลูกค้าเริ่มเดินเข้ามาหาเราเพื่อซื้อต้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ นับว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ I date palm และเป็นทิศทางที่ดีของวงการอินทผลัมไทยในอนาคตครับ”
“การขายกล้าเนื้อเยื่อของผมเมื่อก่อนยากกว่านี้เยอะเพราะเราเป็นคนนำเข้าแรกๆ ยังไม่มีตัวอย่างให้เห็น ก็เลยถอดบทความมาจาก FAO และตัวอย่างผลผลิตจากต่างประเทศไม่มีสวนไหนใช้เมล็ดในเชิงธุรกิจหรือเชิงพาณิชย์ มีแต่หน่อกับเพาะเนื้อเยื่อเท่านั้น แต่ตอนนี้หลายสวนในเมืองไทยที่ปลูกต้นเนื้อเยื่อเริ่มทยอยให้ผลผลิตเกษตรกรรายใหม่ๆ ก็มีความเชื่อมั่นมากขึ้น”
“เหมือนในวันนี้ที่ บาร์ฮี พิสูจน์ตัวเองในเมืองไทย พิสูจน์ตัวเองได้แล้วในเรื่องรสชาติและความดก ทุกคนได้เห็นผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อแล้ว หลายๆ คนเข้าใจเรามากขึ้น...จนตอนนี้ลูกค้าเริ่มเดินเข้ามาหาเราเพื่อซื้อต้นเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ นับว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ I date palm และเป็นทิศทางที่ดีของวงการอินทผลัมไทยในอนาคตครับ”
ขอขอบคุณ
I date palm
20 หมู่ 16 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
20 หมู่ 16 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
Tel : ID line 084-6530343 | 083-0539666 | 086-5633630 | 090-6316380
เว็บไซต์ : http://www.idatepalm.com/
แผนที่ https://goo.gl/2TSH24