EXCLUSIVE เพชรบ้านนา
เป็นชวนชมสายพันธุ์ที่ดังที่สุด...???
เป็นที่ยอมรับในวงการว่าเป็นพันธุ์ที่สวยที่สุด...???
เป็นสายพันธุ์ชวนชมที่นิยมมากที่สุด...???
และเป็นสายพันธุ์ที่มีราคาแพงที่สุด...???
ในขณะเดียวกัน...
เป็นชวนชมที่มีคนพูดถึงในแง่ลบมากที่สุด...???
เป็นสายพันธุ์ที่สร้างความสับสน อลหม่านกับวงการมากที่สุด...???
เป็นสายพันธุ์ที่มีการแข่งขันทางธุรกิจมากที่สุด...???
และเป็นสายพันธุ์ที่มีการโจมตีทั้งแบบบนดินและใต้ดินมากที่สุด...???
...ท่านคิดว่าทั้งหมดนี้เป็น “วีรกรรม”
ของชวนชมสายพันธุ์ใด...???
เชื่อเหลือเกินว่านักเล่นและนิยมชวนชมทุกคนย่อมจะมีคำตอบ
ชวนชม “เพชรบ้านนา” อยู่ในใจ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...สายพันธุ์ชวนชมที่เป็นสุดยอดด้าน “ความงาม” และสายพันธุ์ชวนชมที่เป็นสุดยอดด้าน “ความเสื่อม” ในวงการจะเป็นสายพันธุ์เดียวกัน
นั่นคือชวนชมเพชรบ้านนา สายพันธุ์ที่วงการรู้จักดี
พอๆ กับการรู้จัก อนุชา เกียรติกุล ผู้ให้กำเนิดและเจ้าของสายพันธุ์ชวนชมชื่อ “กัมปนาท” นี้
และปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพลักษณ์ของชวนชมเพชรบ้านนาแยกไม่ออกกับภาพลักษณ์เดียวกับอนุชา
เพราะเขาเป็นคนที่ดังที่สุดในวงการ
แต่ก็มีคนพูดถึงทั้งในแง่ “บวก” และแง่ “ลบ” มากที่สุด
มีทั้งคนชอบและศรัทธาประหนึ่งดาราดังแห่งวงการ
แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งที่เกลียดเขาเข้าไส้
แบบเจอหน้าไม่มอง ตายไม่เผาผีกัน นั่นเป็นเพราะ “วีรกรรม” ที่เขาร่วมก่อขึ้นมาเคียงคู่กับชื่อเสียงชวนชมเพชรบ้านนา
ยิ่งเมื่อเปิดประเด็นเรื่อง พันธุ์ “แท้” และ พันธุ์ “เทียม” กับชวนชมเพชรบ้านนาขึ้นมา
หลายคนโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
เพราะความที่อนุชาให้คำจำกัดความว่าชวนชมเพชรบ้านนาพันธุ์แท้ต้องมาจากสวนเพชรบ้านนา
และผู้ผลิตในเครือข่ายของเขาเท่านั้น
แหล่งอื่นให้ตั้งข้อสันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเป็นพันธุ์เทียม
เพราะกิ่งแม่พันธุ์ชวนชมเพชรบ้านนาที่เชื่อว่าให้ลูกนิ่ง
ตรงตามสายพันธุ์ไม่เคยหลุดจากสวน ซึ่งหมายถึงการไม่เคยขายให้ใครมาก่อน
ประเด็นนี้แหละที่หลายคนควันออกหูทุกครั้งเมื่อได้ยิน...???
เพราะบางคนอ้างว่าเขาได้กิ่งแม่พันธุ์มาจากมืออนุชาจริงๆ
ทั้งซื้อ “ฉับละหมื่น” หรือแลกด้วยเงินและไก่ชน
หรือได้จากกิ่งที่อนุชานำไปจำนำไว้กับเสี่ยใหญ่เมืองชัยนาท
การออกมาพูดและให้ข้อมูลทั้งผ่านสื่อและบอกเล่ากับคนในวงการอย่างนั้น
เท่ากับว่าเป็นการตีแสกหน้าคนที่อ้างชื่อสวนเพชรบ้านนา
แต่ในเมื่อเรื่องเดียวกัน
แต่ละฝ่ายพูดไม่เหมือนกัน คงอนุมานเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพูดโกหก
และนี่แหละคือ “ฉนวน” ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในวงการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เป็นด้าน “มืด” ของวงการที่จะต้องจดจำเป็นไปอีกนาน
...................................
อนุชาสำเร็จการศึกษาด้านเกษตร
และทำงานกับหลายบริษัทในประเทศ
ก่อนจะไปทำงานในประเทศซาอุดิอาระเบียในตำแหน่งโฟร์แมน ทำให้เขาเห็นชวนชมต้นใหญ่ๆ
ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ป่าพื้นเมืองของที่นั่น
เช่นเดียวกับพ่อของเขาที่ไปทำงานเป็นพนักงานขับรถ
ก่อนที่พ่ออนุชาจะแอบนำกิ่งชวนชมยัดใส่กระเป๋ามาในเมืองไทย จำนวน 2 กิ่ง เพียงเพราะชอบและเป็นไม้แปลกหากนำมาปลูกในเมืองไทย
แต่ปรากฏว่าหลังจาการนำมาปลูกในเมืองไทยตายไปหนึ่งกิ่งทำให้เหลือเพียงกิ่งเดียว
ก่อนที่ชวนชมกิ่งนี้จะเป็นต้นกำเนิดของชวนชมเพชรบ้านนา
แต่ก่อนหน้านั้นเรียกว่า “ยักษ์ซาอุ” ตั้งตามชื่อแหล่งที่มา
ก่อนที่ภายหลังอนุชาจะตั้งชื่อใหม่ว่า “เพชรบ้านนา” ตามสถานที่ตั้งสวน อ.บ้านนา จ.นครนายก เมื่อปี 2539
“ถ้าเรียกยักษ์ซาอุต่อไปก็เรียกยักษ์ซาอุกันหมด
จึงตั้งชื่อใหม่เป็นเพชรบ้านนา เมื่อปี 2539” อนุชาเคยให้เหตุผลไว้อย่างนั้น
อย่างไรก็ตามเส้นทางของชวนชมเพชรบ้านนาก็เป็นแบบอย่างที่ทำให้ชวนชมหลายตัวเดินตาม
เพราะรู้ว่า “แบรนด์”เพชรบ้านนา “ทรงพลัง” มากแค่ไหนในวงการ โดยเฉพาะ “แฟชั่น” การเป็นเจ้าของสายพันธุ์
ที่ตกทอดในยุคนั้นและยุคปัจจุบันแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งก็มาจากเพชรบ้านนานั่นเอง
ด้วยการออกสื่อซึ่งยุคนั้นถือว่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
เพราะต้องมีเอกลักษณ์และความโดดเด่น เมื่อบวกกับภาพลักษณ์ที่เป็นชวนชมพันธุ์แปลก
หายาก ราคาแพง เพชรบ้านนาจึงดังเป็นพรุแตก เกิดนักเล่นชวนชมหน้าใหม่ขึ้นจำนวนมาก
และทุกคนเลือกที่จะมุ่งไปยังสวนเพชรบ้านนา ซึ่งมียอดขายกระฉูดแม้ราคาจะสูงถึงต้นละ 5,000 บาท โดยต้องผ่านการจับฉลาก ไม่มีโอกาสได้เลือก
แต่ทุกคนก็ยอมซื้อ
กลายเป็นว่าผู้ซื้อมีอำนาจน้อยกว่าผู้ขาย
จนเมื่อพิษเศรษฐกิจช่วงปี 2539-2540 ส่งกระทบโดยตรงต่อชวนชมเพชรบ้านนา และหนักจนถึงขึ้นหุ้นส่วนสวนที่มีอยู่ 7หุ้นแตกเป็นเสี่ยงๆ และยุบสวนไปในที่สุด
ซึ่งอาจจะมองได้ว่าเป็นการดับของชวนชมเพชรบ้านนาอย่างถาวร
แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้น หากแต่มันเป็นเพียงการเริ่มต้นของชวนชมพันธุ์นี้ต่างหาก...???
เพราะหลังจากสวนเพชรบ้านนาเริ่มมีปัญหา
มีการขายไม้เพื่อแบ่งเงินก่อนจากของหุ้นส่วน
หนึ่งในนั้นก็คือการขายต้นแม่พันธุ์เพชรบ้านนาให้แก่อุทยานสวนหินล้านปี พัทยา
ไปในราคา 9 แสนบาท พร้อมกับต้นใหญ่ๆ อีกหลายต้น
แต่ก่อนหน้านั้นข่าวรั่วออกมาว่าอนุชาได้นำต้นแม่พันธุ์
และกิ่งแม่พันธุ์หลายต้นไปจำนำไว้กับ “เสี่ยวสันต์” ชัยนาท
บางกระแสก็ว่าเป็นการขาย
แต่ประเด็นอยู่ที่ว่ากิ่งแม่พันธุ์เหล่านี้อยู่กับเสี่ยวสันต์นานนับปี
จึงไม่แปลกที่ภายหลังจะผู้อ้างว่าได้กิ่งแม่เพชรบ้านนามาจาก เสี่ยวสันต์
ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นของอนุชา หนึ่งในนั้นก็คือ เสี่ยก๊อง สวนนครสวรรค์พันธุ์ไม้ ที่อ้างว่า ได้มาจากชัยนาทเช่นกัน
...เป็นไปได้ไหมถ้ากิ่งเพชรบ้านนาจะหลุดไปในช่วงนี้...???
เพชรบ้านนากลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งก็เมื่อช่วงปี
ปลายๆ ปี2549 และ 2550 หลังจากที่ชวนชมเพชรบ้านนาต้นใหญ่ของสวนนายพลคว้ารางวัลยอดเยี่ยม
พร้อมการตั้งราคาไว้ต้นละ 1.5 ล้านบาทในชั่วโมงนั้น
สร้างความตะลึงให้วงการ
พร้อมกับการหาซื้อชวนชมพันธุ์นี้อย่างกว้างขวาง เพชรบ้านนาจึงหวนฟื้น “คืนชีพ” อีกครั้ง พร้อมกับการ “รีเทิร์น” ของอนุชา ที่ยังคงดังและชื่อ “ขลัง” ในวงการชวนชม ทั้งๆ
ก่อนหน้านี้มีข่าวปล่อยว่าเขาเลิกเล่นชวนชมไปแล้ว
อนุชาดังจนขนาดที่ว่ามีคนมาขอถ่ายรูปคู่ด้วยความภาคภูมิ
ถึงขนาดอุทานออกมาว่าเคยได้ยินแต่ชื่อ ยังไม่เคยเห็นหน้า
ก่อนที่คนนั้นจะดีใจสุดขีดและโทรศัพท์ไปอวดเพื่อนว่าเจอกับอนุชาตัวเป็นๆ
ประหนึ่งว่ากำลังเจอกับดาราซุปเปอร์สตาร์ หากแต่เป็นซุปเปอร์สตาร์แห่งวงการชวนชมเมืองไทย
ขณะที่อีกหลายคนก็คลั่งไคล้อนุชาไม่แพ้กัน
เป็นแฟนพันธุ์แท้ และเป็นผู้ที่คนในวงการอยากรู้จักมากที่สุด
โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่ต้องการ “แชร์” การผูกขาดตลาดชวนชมเพชรบ้านนา
ด้วยคุณสมบัติและลักษณะประจำสายพันธุ์ที่อนุชาบอกและอวดอ้าง
ไม่ว่าจะเป็น ชวนชมที่หวงพันธุ์ ติดฝักยาก
และมีความนิ่งทางสายพันธุ์เฉพาะกิ่งแม่ของอนุชาเท่านั้น
กิ่งที่มาจากต้นลูกมีโอกาสการกลายพันธุ์สูง
นี่เองคือข้อจำกัด ที่เป็นจุดแข็งของเพชรบ้านนา
จึงมีคนต้องการซื้อกิ่งแม่เพชรบ้านนาจากเขาจำนวนมาก แต่เขาก็ไม่ขาย
จนเมื่อมีข่าวแพลมออกมาว่าเขาได้ขายกิ่งแม่พันธุ์ให้กับ 2 นักเล่นชวนชมหน้าใหม่แต่กระเป๋าหนัก ที่ซื้อกิ่งแม่พันธุ์ไปคนละไม่ต่ำว่า 30 ต้น ซึ่งก็คือ สวนสมบูรณ์ ชลบุรี และสวน พี อดีเนียม ทรีฟาร์ม อยุธยา
ก่อนที่ทั้งสองสวนจะเปิดตัวในเวลาต่อมา
พร้อมกับโฆษณาว่ามีเพชรบ้านนาอยู่หลายพันต้น ซึ่งทั้งหมดได้มาจากอนุชา
ที่เขาเองก็ออกมาการันตีสายพันธุ์
โดยการออกมายืนถ่ายรูปคู่กับเจ้าของสวนผ่านหนังสือ รับรองสายพันธุ์
ทำให้เข้าใจว่านั่นคือการรับรองสายพันธุ์จากอนุชา
ว่ากันว่าอนุชาฟันเงินจาก 2 สวนนี้ไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาททีเดียว
ช่วงนี้แหละที่เพชรบ้านนาดังเป็นพลุแตก
ทั้งด้านบวกและด้านลบ...???
เพราะมีการปล่อยข่าวผ่านสื่อ ซึ่งก็คือนิตยสารไม้ดอกไม้ประดับ ที่นักเล่นชวนชมนิยมอ่านกันอย่างกว้างขวางว่า
เพชรบ้านนาที่เชื่อถือได้และชัวร์ทางสายพันธุ์ต้องมาจากอนุชาและสวนเครือข่ายเท่านั้น
จนมีการตั้งฉายาว่า 4 เสือเพชรบ้านนา ประกอบไปด้วย อนุชา, ปรีชา,สมบูรณ์และลุงหยู
สมรภูมิชวนชมจึงแทบลุกเป็นไฟ เพราะมีกลุ่มคนที่กล้ายืนยัน
กล้าสาบาน และกล้าแม้จะนำกิ่งไปเช็ค DNA ว่าได้กิ่งแม่พันธุ์จากอนุชาจริงๆ ได้รับผลกระทบโดยตรง
จนเกิดการลงข่าวผ่านสื่อทั้งในเล่มเดียวกันและต่างเล่มเพื่อให้ข้อมูลในอีกด้านหนึ่ง
จนกลายเป็นการให้ข่าวโจมตีกันในที่สุด
ในกลุ่มเพชรบ้านนามีลุงหยู นักเล่นชวนชม “รุ่นเดอะ” ที่ซี้ปึ๊กกับอนุชาเป็นเหมือนประชาสัมพันธ์ให้ข่าวโจมตี
และบางฉบับร่ายน้ำหมึกเอง
ก่อนที่อีกฝั่งหนึ่งจะตอบโต้ผ่านสื่ออีกฉบับแบบคำต่อคำที่ทำให้ลุงหยูถึงกับควันออกหู
จนถึงขนาดจะฟ้องดำเนินคดี แต่ก็ล้มเลิกความตั้งใจในที่สุด
ก่อนที่จะมีการรวมกลุ่มของนักเล่นชวนชมที่รักเพชรบ้านนาไม่เอาอนุชา
ตั้งสายพันธุ์ใหม่ว่า “มงกุฎสยาม” โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 40 สวน มีสวนวังทอง สวนนครสวรรค์พันธุ์ไม้ เป็นแกนนำ
แต่ผู้ที่ทำงานอยู่ “เบื้องหลัง” ที่แท้จริงคือ ไพสิฐฟาร์ม ที่เป็นผู้ร่างแถลงการณ์และบรรยายลักษณะสายพันธุ์
ตลอดจนการตั้งชื่อ “มงกุฎสยาม” ที่เมื่ออ่านแล้วก็เข้าใจว่าเป็นชวนชมเพชรบ้านนา
ต้องยอมรับว่าสร้างความสับสนให้แก่วงการไม่น้อย
โดยเฉพาะนักเล่นหน้าใหม่ ซึ่งมีเข้ามาเยอะ เพราะเป็นช่วงที่ชวนชมกำลังได้รับความนิยม
และก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งสองฝ่ายก็มีแฟนๆ
รักและศรัทธาเท่าๆ กัน
สาวกของมงกุฎสยามมักจะเชื่อว่ากิ่งแม่พันธุ์ของทางกลุ่มมงกุฎสยามเป็นกิ่งเดียวกับเพชรบ้านนาที่มาจากสวนเพชรบ้านนา
ขณะที่แฟนๆ
ของเพชรบ้านนาก็เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่ากิ่งอนุชาไม่เคยหลุดจากสวน แม้จะมีทฤษฎี
โคตรแปลกว่ากิ่งแม่พันธุ์ของอนุชาเท่านั้นที่เป็นพันธุ์แท้
..................................
ข่าว 4 เสือเพชรบ้านนาแตก ดูจะเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจ
พร้อมกับตั้งคำถามว่าเป็นเพราะเหตุใด
ซึ่งเชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้ที่มาของความจริง...???
ทำให้เดาและวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานา
บ้างก็ว่าเป็นเพราะขายยาก
เพราะความแรงของมงกุฎสยาม ที่มีผู้นิยมมากขึ้น ทั้งยังราคาถูกกว่า
บ้างก็ว่าเป็นความไม่ลงรอยกันระหว่าง 2 ใหญ่ที่ภายนอกดูเหมือนเป็นกลุ่มเดียวกัน
หากแต่ในความเป็นจริงกลับเป็นคู่แข่งที่ขับเคี่ยวกันอย่างเปิดเผย
แต่เรื่องที่มีคนเชื่อมากที่สุดก็คือ
เริ่มรู้ตัวตนที่แท้จริงของอนุชามากขึ้นนั่นเอง
บทวิเคราะห์ที่มีคนพูดถึงถือว่ามีส่วนถูก
แต่น้ำหนักอยู่ที่การรู้จักตัวตนที่แท้จริงของอนุชามากขึ้นต่างหาก
“ผมช่วยเขาทุกอย่าง กินเที่ยวอะไรผมก็ออกให้ตลอด
ซื้อไม้เขาผมก็ให้เงินเกินทุกครั้งแต่เขาทำอย่างนี้กับผมได้ยังไง
นับจากวันนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ผมก็ไม่โทรหาเขา เขาก็ไม่โทรหาผม” สวน พี อดีเนียม ทรีฟาร์มเผย
พร้อมกับทิ้งปริศนาว่าอนุชาสร้างวีรกรรมอะไร
“ผมไม่มีอะไรนะ แต่ของอย่างนี้ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น
ทุกวันนี้อนุชาก็น่าจะรู้ดี” สวนสมบูรณ์
พูดถึงอนุชาอย่างเรียบเฉย ที่แฝงไว้ด้วยความแค้นฝังลึก
จากการจับความรู้สึกของทั้งสองรายความขัดแย้งที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากเรื่องเงินมากที่สุด
เพราะอย่าลืมว่าอนุชาได้เงินจาก 2 รายนี้ไปไม่ต่ำกว่า 3 ล้าน
หลัง “ค่าย” เพชรบ้านนาแตก
ทำให้เกิดการวิเคราะห์กันว่า 2 สวนใหญ่ที่ซื้อเพชรบ้านนาจากอนุชาจะ “เดี้ยง” และค่อยๆ หมดลมหายใจในที่สุด
เพราะไม่มีพรีเซนเตอร์ที่ทรงพลานุภาพทั้งยังเป็นเจ้าของสายพันธุ์ อย่าง อนุชา
ช่วยการันตีสายพันธุ์ จะทำให้ขายยากเพราะขาดความน่าเชื่อถือหรือไม่
อนุชาเองก็คิดอย่างนั้น
เขาคิดว่าเขาถือไพ่ในมือเหนือกว่า พร้อมกับมีข่าวกระเซ็นกระสายออกมาว่า
กิ่งแม่พันธุ์ที่อนุชาขายให้กับสวยสมบูรณ์และพี อดีเนียม ทรี ฟาร์ม
เป็นกิ่งลูก ไม่ใช่กิ่งแม่ที่อนุชาหวงดุจเพชรนิลจินดา
โดยไม่รู้ว่าแหล่งข่าวมาจากไหนและมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
ก่อนจะได้ยินข้อมูลสำคัญจากปากของอนุชาเอง
“ผมเคยเอายักษ์ญี่ปุ่นไปฝากไว้กับเสี่ยวสันต์ที่ชัยนาท
เพราะตอนนั้นขนไม้จากบ้านนา ไม่รู้จะไปไว้ไหน จนเมื่อ 4
ก่อนผมกลับไปเพื่อจะไปเอาคืน แต่ไม่อยู่แล้ว เขาบอกว่าขายไปแล้ว
เสี่ยวสันต์บอกว่าจะเอาอะไรไปแทนก็ได้ ผมก็เห็นกิ่งเพชรบ้านนาอยู่ 30 กว่าพุ่มก็เลยเอามาแทน เป็นการแลกกับยักษ์ญี่ปุ่น
และได้มาจากที่อื่นอีกจำนวนหนึ่ง ไม้ชุดนี้แหละที่ผมขายให้เฮียก๊วยและเฮียปรีชา ไม่ได้เป็นกิ่งของผม
ของผมยังเก็บไว้ครบ แต่รู้ว่าเสี่ยวสันต์เขาสนิทกับสวนประภาส
เป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นไม้จากสวนประภาส” อนุชาโพลงความลับสุดยอดออกมาในค่ำคืนวันหนึ่ง
นั่นหมายความว่ากิ่งแม่พันธุ์ที่อนุชาขายให้กับ 2 สวนนั้นไม่ใช่กิ่งแม่พันธุ์จากอนุชา แต่เป็นกิ่งที่ไม่รู้ต้นกำเนิด
ซึ่งสวนประภาสก็อยู่ในกลุ่มมงกุฎสยาม กลุ่มที่อนุชาบอกว่าไม่ใช่กิ่งแม่
อาจจะเป็นกิ่งลูก ที่ให้ลูกไม่นิ่ง
เป็นการตบหน้าฉาดใหญ่...!!!
เป็นการที่เขาพยายามเปิดเผยความลับนี้หลังจากวงแตก
ก็เพื่อ “ดิสเครดิต” ให้คนในวงการคิดอย่างนั้น คิดว่ากิ่งแม่พันธุ์ที่ขายให้กับสองสวนนั้นไม่ใช่กิ่งแม่
เหมือนกับที่บอกมาเสมอว่ากิ่งจากแหล่งอื่นไม่ใช่กิ่งแม่เช่นกัน
ถ้าเป็นไปอย่างที่อนุชาให้ข้อมูลนั่นหมายความว่ากิ่งแม่พันธุ์ของเขาก็ยังไม่เคยหลุดจากสวน
ยังคงสามารถผูกขาดสายพันธุ์ชวนชม “เทวดา” นี้ไว้
เพราะแม้ขนาดลุงหยูที่สนิทกับอนุชามากที่สุด
เป็นเพื่อนซี้ต่างวัย คบหากันมาเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ ครั้งหนึ่งอนุชาก็ยังเคยเผยว่า
“แกไม่เคยได้กิ่งจากผมไปนะ
อาจจะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่กิ่งมันปนติดไปพันธุ์อื่นด้วย ผมเองก็ไม่แน่ใจ” อึ้งกิมกี่จริงๆ ชึ่งเชื่อว่าเป็นคำพูดที่ลุงหยูก็คงอึ้งไม่แพ้กัน
นั่นยังหมายความว่าที่ผ่านมาอนุชาพูดปดกับ 2 สวนใหญ่เพื่อขายไม้
ซึ่งยังเป็นการตอกย้ำที่เคยมีคนพูดว่า
อนุชาเพิ่งจะกลับไปหาซื้อกิ่งแม่พันธุ์เพชรบ้านนาเมื่อช่วง 3-4 ปีที่แล้ว นั้นเป็นความจริง
แต่กาลหาเป็นไปอย่างที่อนุชาคิดและอยากให้เป็นไม่...???
เพราะแทนที่ 2 สวนใหญ่จะได้รับผลกระทบ แต่กลับเป็นตัวเขาเองที่รับผลไปเต็ม เป็นการฆ่าตัวเองที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
เขาแสดงความเป็นตัวตนที่แท้จริงออกมา
ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญย้อนกลับไปหาอดีตว่าที่ผ่านมาคำพูดของเขามีความจริงอยู่กี่เปอร์เซ็นต์
โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “กิ่งแม่ไม่เคยหลุดจากสวน”
นั่นดูเหมือนจะเป็นภาพด้านลบของชวนชมเพชรบ้านนาที่มีส่วนเหลือเกินที่ทำให้คนเบื่อชวนชมที่ถูกยกย่องว่าสวยที่สุดพันธุ์นี้
เพราะเล่นยาก
เกิดความกลัวและหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา
จนเกิดคำถามสุดฮิตในกลุ่มคนซื้อเพชรบ้านนาว่า “กิ่งแม่มาจากไหน” จนเป็นที่อิจหนาระอาใจของผู้ขายอย่างยิ่ง
แต่ในความเป็นจริงความเบื่อไม่ได้เกิดจากสายพันธุ์
หากแต่เกิดจากตัวเจ้าของสายพันธุ์
อย่างไรก็ตามต้องยกนิ้วโป้งงามๆ ให้อนุชา
ในฐานะเจ้าของตำนานชวนชมเพชรบ้านนา ด้วยมีการวางแผนการตลาดที่มีความเหนือชั้น
โดยเฉพาะแผนที่แฝงการผูกขาด และสามารถสร้างชื่อตัวเองให้ดังเคียงคู่กับสายพันธุ์
เมื่อพูดถึงเพชรบานนาคนจะนึกถึงอนุชา เกียรติกุล
จนกลายเป็นบุคคลที่โด่งดังที่สุดในวงการ
เขาสามารถทำให้คนเชื่ออย่างสนิทใจว่ากิ่งแม่ไม่เคยหลุดจากสวน
และเพชรบ้านนาจากแหล่งอื่นไม่มีความนิ่งทางสายพันธุ์ ทั้งๆ
ที่ทั้งวงการพูดกันขรมว่าอนุชาเท็จคำโต
จนถึงขนาดจะมีการนำกิ่งแม่พันธุ์มาตรวจ DNA เพื่อทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง
แต่ด้วยความนิ่งของอนุชาที่มักจะไม่โต้ตอบ
ไม่โวยวาย จนสามารถสยบทุกอย่างลง โดยที่ยังคงความศรัทธาแก่สาวกเพชรบ้านนา
แต่คนที่เป็นเดือดเป็นร้อน
และเป็นปากเป็นเสียงแทนรู้กันดีว่าคือ ลุงหยู แกจะออกมาโต้ตอบแบบ “บู้” ล้างผลาญ พูดเรื่องพันธุ์แท้พันธุ์เทียมทุกครั้งที่มีโอกาส
ทั้งใต้ดินและก็ไม่กลัวที่จะพูดบนดิน เปิดหน้าชกแบบ “กูไม่กลัวใคร”
แม้จะเป็นสายพันธุ์ชวนชมที่ความสวยต้องยอม
“คารวะ”
แต่ต้องเป็นต้นที่เข้าฝักเข้าฟอร์มแล้วต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี จึงจะเห็นความงดงาม แต่ช่วงขณะต้นยังเล็กกลับถูกมองว่า“ขี้เหร่” สุดๆ และขายค่อนข้างยากแม้ราคาจะต่ำก็ตาม
เพราะเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับชวนชมสายพันธุ์อื่นในตระกูลเดียวกัน
เพชรบ้านนาเทียบไม่ติด ไม่ว่าจะเป็น มงกุฎทอง บางคล้าและชฎาเพชร เป็นต้น
เพราะพันธุ์เหล่านี้ได้ชื่อว่าแตกฟอร์มและสวยค่อนข้างไว ปีครึ่งถึงสองปีก็เห็นแววสวยแล้ว ผิดกับเพชรบ้านนาที่แลดูก๋องแก๋งๆ โตช้า
ฟอร์มไม่แตกให้เห็น ธรรมชาติของคนมักต้องการความสวยทันทีหลังจากควักกระเป๋า
ระยะหลังกระแสของเพชรบ้านนาจึงซาและดูเหมือนจะซบลง
และขายยากสุดๆ จนบางสวนใช้เป็นไม้แถม ซื้อบางคล้าแถมบ้านนาอะไรประมาณนั้น
แต่เป็นที่รู้กันในวงในว่าไม้ใหญ่ยังมีการซื้อกันอยู่
ถ้าไม้ใหญ่ราคาพอประมาณหลักไม่เกินแสนความต้องการยังมี เพียงแต่ยังไม่มีใครมี
ถึงมีก็ไม่อยากขาย เพราะถือว่าหายาก เพราะมองกันว่าเป็นไม้อนาคตทั้งในแง่การสะสมและการค้า
ปัจจุบันดูเหมือนว่าชื่อเสียงของอนุชาเบาลง
ความเข้มข้นของตำนานกลายเป็นเรื่องจืด ความขลังของกิ่งแม่ “หมดฤทธิ์” ซึ่งอาจเป็นเพราะนักเล่นมองเห็นภาพความเป็นจริงกระจ่างขึ้น
ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่อง “งมงาย” เป็นเพียงแค่ “เปลือก” แต่ “แก่น” ที่แท้จริงอยู่ที่ความงามของต้นไม้
หาได้อยู่ที่อนุชา อยู่ที่ตำนาน หรืออยู่ที่กิ่งแม่
หลายคนเริ่มหูตาสว่างและนึกอยากจะเขกกะโหลกตัวเองแรงๆ
ซึ่งจะเป็นบทเรียนให้แก่วงการ
แต่เชื่อเหลือเกินว่า วีรกรรม ของชวนชมเพชรบ้านนาและอนุชา
เกียรติกุล
จะกลายเป็นตำนานและเรื่องเล่าในวงการชวนชมไปอีกหลายช่วงอายุคนยากที่จะลืมเลือน
แต่ในมิติของความงามชวนชมเพชรบ้านนา
คือชวนชมพันธุ์ที่สวยที่สุด....